ไข่มุก (Pearl)
ไข่มุกเป็นอัญมณีที่กำเนิดมาจากหอยมุก ลักษณะที่สำคัญของไข่มุก คือ จะมีนิวเคลียสของแข็งเป็นแกนกลางแล้วห่อหุ้มด้วยชั้นบางๆของชั้นมุก ก่อให้เกิดรูปร่างกลม รี หรือยาว แล้วแต่ธรรมชาติของแกนกลาง มีบางท่านกล่าวไว้ว่าไข่มุกอาจจะเป็นอัญมณีอย่างแรกๆที่มนุษย์รู้จักกันมาตั้งแต่อดีตกาล ทั้งนี้ด้วยเหตุลที่ว่าไข่มุกเป็นอัญมณีที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องนำมาตกแต่งหรือปรับปรุงใดๆเลย เพราะไข่มุกมีความสวยที่ธรรมชาติสร้างมาให้อยู่แล้ว เมื่อมนุษย์พบเห็นก็สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งร่างกายได้เลย
ไข่มุกโดยธรรมชาติแล้วจะมีความแข็งน้อย ต่ำกว่าความแข็งตามเกณฑ์ของคุณสมบัติที่ดีที่อัญมณีควรจะมี แต่ด้วยความงดงามของไ่มุกที่มีมากเสียจนมนุษย์ต้องยอมรับข้อด้อยของไข่มุก ความงามดังกล่าวอันเนื่องมาจากความวาวของผิวไข่มุกที่งดงามมหาอัญมณีอื่นใดมาเทียบได้ รวมทั้งเหลือบสีรุ้งที่ผิวมุกอันสวยงาม ยิ่งช่วยให้ไข่มุกมีความงามมากขึ้นจนบางครั้งมีการเปรียบเปรยสิ่งที่มีความงดงามมากๆว่างามประดุจดัง "ไข่มุก"
คุณสมบัติของมุก
1. ส่วนประกอบ ไข่มุกประกอบด้วยชั้นบางๆของแร่อะราโกไนต์ 82 - 86 % โดยมีคอนคอยลินเซลล์ 10 -14% ซึ่งประกอบด้วยสารโปรตีนชนิด เคราติน ช่วยเชื่อมประสานชั้นแร่ และ น้ำ 2 - 4 %
2. ไข่มุกไมีมีรูปผลึกแต่จะเป็นมวลก้อนกลม ค่อนข้างกลม รูปไข่ รูปหยดน้ำ และ รูปเม็ดถั่ว โดยมีโครงสร้างภายในเป็นชั้นๆซ้อนกันอยู่เป็นรูปวงกลม
3. ไข่มุกมีความวาวแบบมุก
4. ไข่มุกมีเนื้อโปร่งแสงถึงทึบแสง
5. ไม่มีแนวแตกเรียบ
6. ไข่มุกมีรอยแตกแบบขรุขระ และเปราะ
7. ไข่มุกมีความแข็ง 2.5 - 4 ขึ้นอยู่กับปริมาณสารโปรตีน
8. ไข่มุกมีค่าความถ่วงจำเพาะ 2.60 - 2.85 ขึ้นอยู่กับปริมาณสารโปรตีน ไข่มุกนับว่าเป็นอัญมณีน้ำหนักเบา
9. ไข่มุกมีค่าดับนีหักเห 1.53 -1.69
10. ไข่มุกมีหลายสี ตั้งแต่สีขาว ถึงสีขาวออกครีม ชมพู เท่า ดำ ขาวอมส้ม และยังมีสีเหลือง เขียว น้ำเงินและน้ำเงินเขียว สีของไข่มุกปกติจะเกิดจากสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในชั้นมุก
11. ไข่มุก จะแสดงเหลือบแสงสีรุ้งบนพื้นผิวไข่มุกที่เรียกว่า โอเรียนท์ (Orient)
การเกิด
ไข่มุกเกิดขึ้นภายในเปลือกหอยของหอยที่เรียกว่า หอยมุก ซึ่งหอยชนิดนี้เป็นหอยที่มี 2 กาบ ซึ่งมีหลายพันธ์ุ บางพันธุ์จะให้มุกที่ไม่มีความวาวแบบมุกจึงไม่สวยงาม พวกหอยที่ให้ไข่มุกทีมีคุณภาพดีจะเป็นหอยมุกพันธ์ุ Pinetada และที่รู้จักกันดีจะเป็นตระกูล Margaritifera และ Meleagrina
หอยมุกเมื่อมีเม็ดทรายหรือวัตถุอื่นๆขนาดเล็กเข้าไปในเนื้อหอย จะก่อให้เกิดการระคายเคืองขึ้นที่เนื้อหอย ดังนั้นหอยจึงสร้างสารมาเคลือบวัตถุนั้นเพื่อลดอาการระคายเคือง สารที่หอยสร้างมาเคลือบเป็นสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนต ชนิดที่เป็นแร่อะราโกไนต์ โดยสร้างเป็นแผ่นบางๆ ครอบคลุมวัตถุที่แปลกปลอมนั้นไว้ และสร้างเป็นชั้นๆวางซ้อนเหลื่อมกันเล็กน้อย โดยมีสารที่เรียกว่า Conchiolin เป็นตัวประสานชั้นแร่บางๆเหล่านั้น พวก Conchiolin จะประกอบด้วยพวกโปรตีนที่เรียกว่า เคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในขนสัตว์ เขา และกีบเท้า โดยเป็นสารที่ช่วยให้เกิดความวาวแบบมุก จำนวนชั้นของแร่อะราโกไนต์จะเพิ่มตามอายุของหอย ดังนั้นหอยอายุมากจะสร้างชั้นแร่มากนั่นหมายถึงขนาดของเม็ดไข่มุกก็โตตามไปด้วย จากความเข้าใจการเกิดไข่มุก จึงเป็นที่มาของการเลี้ยงหอยมุกเพื่อให้ได้ไข่มุกเลี้ยง
ไข่มุก สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. ไข่มุกธรรมชาติ (Natural pearl)
- ไข่มุกน้ำจืด
- ไข่มุกน้ำเค็ม
2. ไข่มุกเลี้ยง ( Cultured pearl)
แหล่งที่มาของไข่มุก
1. ไข่มุกธรรมชาติ มีแหล่งที่สำคัญในอ่าวเปอร์เซีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ทะเลแดง เม็กซิโก ปานามา หมู่เกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ และ เวเนซูเอลา
2. ไข่มุกเลี้ยง มีแหล่งที่สำคัญในประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย จีน พม่า ไทย เกาะทาฮิติ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย หมู่เกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ และ อเมริกา
ความเชื่อเกี่ยวกับไข่มุก
ไข่มุกเป็นสัญลักษณ์ ของความมั่งคั่ง ความสมบูรณ์พูลสุข ความบริสุทธิ์สะอาด ไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมพิษภัย ความเป็นเอกภาพ ความเป็นหนึ่ง สุขภาพ ความงาม และ ความมีอุดมการณ์ ไข่มุกที่ดี จะต้องมีความแวววาว อันเป็นเครื่องหมายของการมีพลังแห่งชีวิตที่เต็มเปี่ยม
เสริมมงคลด้าน เพิ่มความรักความเมตตา เสริมสง่าราศี ปกป้องคุ้มครองเสริมในด้านโชคลางและป้องกันอาถรรพณ์ นำพาความมั่งคั่งร่ำรวย
ไข่มุกนั้นเหมาะอย่างยิ่งกับชาวราศี เมถุน หรือ คนเกิดเดือนมิถุนายน เป็นพลอยประจำกาย พลังของไข่มุกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ ความบริสุทธิ์ สะอาดความมั่งคั่ง ก็จะช่วยเสริมดวงชะตาเสริมดวงให้คนราศีเมถุนให้ชัดเจน และสดใสมากยิ่งขึ้น ความที่มีอารมณ์ปรวนแปร ก็จะถูกทำให้สมดุลด้วยพลังอันหนักแน่น เยือกเย็นของไข่มุก และช่วยส่งเสริมดวงให้มีความโดดเด่น และสุขภาพที่แข็งแรง สดชื่น อีกด้วย
รูปเครื่องประดับที่ประดับด้วยไข่มุก
เรื่องราวน่ารู้ต่างๆที่น่าสนใจและน่าติดตามของผู้เขียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น